ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจบันเทคโนโลยีได้พัฒนาและก้าวหน้าไปอย่างกว้างไกล พร้อมทั้งรวดเร็วมากขึ้น เราลองมาดูกันดีกว่าว่าใน 20 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีอะไรบ้างที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
อย่างแรกจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกเสียจาก โทรศัพท์มือถือหรือที่ตอนนี้เราเรียกกันว่าสมาร์ทโฟน ถ้าเป็นคนรุ่นก่อนๆ คงจะจำมือถือขนาดใหญ่เท่ากระติกกันน้ำร้อนกันได้ไหม เดินถือ เดินสะพายกันทั่วเมือง ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเครื่องเล็กลงๆ จนปัจจุบันมีขนาดพอดีมือ รวมถึงพัฒนาความชัดเจนของหน้าจอ จากขาว๘ดำสู่สีสัน และความคมชัดในทุกๆ รายละเอียดบนหน้าจอ มือถือเล็กลงแต่หน้าจอกลับใหญ่ขึ้น มองได้เต็มตามากขึ้น แถมปัจจุบันยังมีในเรื่องของการเชื่อมต่อกับระบบที่ทำให้เราทุกคนเหมือนอยู่ใกล้กันตลอดเวลา พร้อมทั้งฟังก์ชั่น แอพพลิเคชั่น สังคนออนไลน์ จนกระทั่งธุรกรรมการเงินบนมือถือก็เป็นเรื่องง่ายๆ จึงเป็นที่มาของคำว่าสาร์มโฟนเพราะมันทำได้หลายอย่างเหลือเกิน
ต่อมาเป็นทีวีหรือโทรทัศน์นั้นเอง แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดสุดๆ คือจากหน้าจอสีขาวดำ ไปสู่หน้าจอสี ต่อมาความใหญ่และอวบอ้วนของโทรทัศน์ก็ลดลงจนเหลือแค่เพียงเรียว บาง จอแบน แต่เพิ่มเติมมาด้วยความชัดและรายละเอียดอย่างหน้าจอ LED, HD ,Full HD, 4K จนในปัจจุบันได้เดินทางมา 8K แล้ว รวไปถึงนวัตกรรมอย่าง Smart Tv ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและสั่งงานได้ด้วยเสียง รวมไปถึงระบบ 3D และฟังก์ชั่นต่างๆ อีกมากมาย ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
การบันทึกข้อมูลด้วยสื่อต่างๆ อาทิ ภาพยนตร์หรือเพลง ในอดีตจะบันทึกลงม้วนเทป แต่เมื่อได้ถูกพัฒนาเข้าสู่ยุคดิจิตอลเปลี่ยนเป็นแผ่น Optical Disc (CD/DVD/Blu-ray) จนล่าสุดก็มีการดูหนังฟังเพลงแบบออนไลน์กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะเป็นผลดีกับผู้บริโภค แต่กับร้านค้าอย่างร้านเช่าวิดีโอ ร้านขายแผ่นเพลง ร้านขายแผ่นหนังก็เกิดผลเสียจากการพัฒนานี้ไปตามๆ กัน เพราะผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องง้อแผ่นบันทึกอีกต่อไปแล้ว
นอกจากที่บันทึกของมูลด้านสือแล้ว ยังมีที่บันทึกหรือที่เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์อีก ในอดีตเราจะเห็นได้เลยว่าฮาร์ดิสก์หรือที่เก็บข้อมูลในยุคแรกๆ มีขนาดใหญ่มากและราคาแพงตามขนาด แต่กลับมีความจุที่น้อยนิดเหลือเกิน ใส่ไปเท่าไหร่ก็เต็ม รวมทั้งแผ่น Floppy Disk สุดคลาสสิกที่เคยใช้กันอย่างแพร่หลายนั้นมีความจุเพียงแค่ 1.44MB เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนั้นได้พัฒนาความจุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากได้เป็น 10-100 GB ในขณะที่ขนาดเล็กลง และพัฒนาจนสามารถบันทึกข้อมูลไว้ในระบบ อาทิ Cloud , กู้เกิ้ล ไดรฟ์ และอีกมากมายที่สามารถเก็บไฟล์ข้อมูลได้อย่างมหาศาล และนำเอาข้อมูลมาใช้ได้ทันที เพียงอาศัยการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น สะดวกสบายกว่าที่เคย
เครื่องเล่นเกม ในอดีตสมัยเด็กๆ คนที่ชอบเล่นเกมน่าจะคุ้นเคยกับเกมบอยหรือเกมตลับ บวกด้วยจอยเกมก็มีปุ่มให้กดไม่เท่าไหร่ เหมือนว่าไม่สามารถเล่นท่าอะไรได้เยอะมาก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป จากที่เป็นตลับก็เปลี่ยนมาใช้แผ่น Optical Disc จอยก็เริ่มพัฒนาให้มีก้านอนาล็อก มีปุ่มเพิ่มขึ้นให้กดบังคับ พร้อมกับความคมชัดของกราฟฟิคที่ถูกพัฒนาให้มีรายละเอียดมากขึ้น สีสันสดสวย งดงาม สมจริงเหมือนกับสัมผัสได้ พอพูดถึงคำว่าสมจริงและสัมผัสได้ ก็อดจะพูดถึงการพัฒนาเกมไปสู่เทคโนโลยีอย่าง VR อันนี้ต้องยอมรับเลยว่าเหมือนเราเข้าไปอยู่ในเกมจริงๆ สมจริงราวกับเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ถ้าใครได้ลองเล่นเกมสยองๆ ล่ะก็รับประกันความน่ากลัวจนต้องกรี๊ดแน่นอน
และอย่างสุดท้ายที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือ กล้องถ่ายรูป เมื่อก่อนเราคงคุ้นเคยกับการถ่ายรูปแล้วเอาไปอัดหรือล้างตามร้านถ่ายรูป แต่เมื่อโลกได้เดินทางเข้าสู่ยุคดิจิตอล ปัญหาอย่างถ่ายรูปแล้วไม่เห็นภาพก็หมดไป เพราะเราสามารถดูภาพก่อนจะอัดหรือล้างได้ เพียงแค่ถ่ายและเช็คภาพก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีของกล้องถ่ายรูป อย่างเซนเซอร์ที่รวดเร็ว ภาพที่คมชัดมากขึ้นและฟิตเตอร์สำหรับกล้องถ่ายรูปโดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกสนุกขึ้นกับการใช้กล้องถ่ายรูป เพราะเราสามารถปรับและตกแต่งภาพได้ในทันที อีกทั้ง ในปัจจุบันกล้องบางรุ่นยังได้มีการเชื่อต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อให้เราสามารถอัพเดตรูปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้ในทันที
ทั้งนี้ ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาก็เป็นเพียงเทคโนโลยีคร่าวๆ เท่านั้น ยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่ได้รับการพัฒนาจนต้องหามาทดลองใช้อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาข้อมือ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นคอยอัพเดตเทรนตลอดเวลา เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกข่าวใดๆ